องค์การเภสัชฯ ทำอะไรอยู่?

ช่วงนี้องค์การเภสัชกรรมเป็นข่าวขึ้นมาเยอะจากหลายเรื่อง ตั้งแต่การจัดหาวัคซีน Moderna เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เรื่อยมาถึงการเร่งผลิตยาฟาเวียร์หรือก็คือฟาวิพิราเวียร์เวอร์ชันผลิตในไทย และล่าสุดคือการจัดซื้อชุดตรวจโควิดแบบ Antigen Test Kit (ATK) ที่สงสัยกันว่าไปซื้อชุดตรวจยี่ห้อที่ FDA สหรัฐฯ ส่งคืน

ที่บ้านผมก็คุยๆ กัน ปนสงสัยว่าองค์การเภสัชฯ หรือ GPO เนี่ย เขาทำอะไรบ้าง เพราะส่วนตัวผมที่รู้คือหลักๆ ก็ผลิตยาราคาเข้าถึงได้ให้คนไทย ไม่ต้องซื้อยานอกแพงๆ และก็มีหน้าร้านหลายสาขาที่ขายยาและสินค้าที่เกี่ยวข้องในราคาไม่แพง

สงสัยดังนั้นก็เข้าเว็บองค์การเภสัชฯ ไปดูซะเลย ก็พบว่าในเว็บมีหมวดที่น่าสนใจหลักๆ อยู่ 3 หมวด (ยึดจาก Navigation Bar เพราะควรจะเป็นที่ที่รวมของสำคัญที่สุดไว้) คือ ผลิตภัณฑ์และบริการ, การวิจัยและพัฒนา และ ความรู้กัญชาทางการแพทย์ !! ก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเขาตื่นเต้นกับกัญชากันมากขนาดนี้เลย ไม่แน่ใจว่าตื่นเต้นเพราะประชาชนสนใจเยอะ หรือตื่นเต้นเพราะอยากชี้นำประชาชนกันแน่อะนะ แต่เรื่องกัญชาไม่ใช่ประเด็นของโพสต์นี้

สิ่งที่จะเขียนถึงคือของที่อยู่ในหมวด ผลิตภัณฑ์และบริการ > หมวดย่อย สมุนไพรและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ตอนแรกก็คิดว่าน่าสนใจที่มีการพูดถึงเรื่องสมุนไพรในเว็บองค์การเภสัชฯ เลยคลิกเข้าไปดู แต่กลายเป็นว่าโดนโยนไปอีกเว็บชื่อ GPO PLANET เข้าไปแล้วพบว่าองค์การเภสัชฯ กำลังทำสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่หรือเปล่า?

เว็บ GPO PLANET คือเว็บขายเครื่องสำอางออนไลน์อย่างเป็นทางการขององค์การเภสัชฯ ที่น่าตกใจคือในเว็บแทบจะไม่มีของที่ทำจากสมุนไพรตามที่บอกไว้ตอนแรกเลย ส่วนใหญ่จะเป็นครีมผิวขาว (Whitening Cream), ครีมชะลอวัย (Anti Aging Cream/Serum), เซรั่มซ่อมแซมผิว (Total Repair Serum) รวมถึงครีมและน้ำมันอื่นๆ (รูปทั้งหมดกดดูรูปใหญ่ได้)

เที่ยว New Zealand (เกาะใต้) ตอนที่ 5 – เดินเขา Roys Peak

บล็อกเที่ยวนิวซีแลนด์ตอนนี้จะเขียนถึงวันที่เรียกว่าโหดที่สุดในทริป นั่นคือการไปเดินเขาเส้นทาง Roys Peak

ประสบการณ์ได้ส่วนลด iPad เครื่องใหม่ หลังเครื่องเก่าพังเพราะแค่อัพเดต iOS

ที่บ้านมี iPad (5th gen) อยู่เครื่องนึง ซื้อไว้ให้แม่ใช้ดู YouTube ตอนอยู่บ้านเฉยๆ เรียกว่าเอาออกนอกบ้านนับครั้งได้ ซึ่งก็ใช้มาตลอดไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อประมาณกลางเดือนตุลาคม มันออก iOS 13.1.3 มา ซึ่งตอนนั้นเครื่องรัน iOS 13.1.2 อยู่ เราก็กดอัพเดตไปตามปกติ แล้วก็เสียบสายชาร์จไว้ก่อนจะเข้านอน

เที่ยว New Zealand (เกาะใต้) ตอนที่ 4 – Omarama – Lake Hawea

หลังจากใช้เวลาอยู่ที่ Mt Cook 2 คืนเราก็มุ่งหน้าลงใต้ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 8

วันนี้ไม่ได้มีโปรแกรมอะไรเป็นพิเศษ อยู่ในรถเกือบทั้งวัน เราออกมาได้แค่ชั่วโมงเดียวก็ผ่านฟาร์มปลาแซลมอนน้ำจืด เลยเลี้ยวเข้าไปดูหน่อย ฟาร์มนี้ชื่อ High Country Salmon ขนาดไม่ใหญ่นัก ด้านหน้ามีร้านขายแซลมอน ทั้งตัวหนัก 4.4 กก. ขายอยู่ที่ 96.76 NZD (ราว 2,000 บาท) หรือแบบแล่แล้ว, ปรุงรสแล้วก็มีให้ซื้อได้ตามชอบ ใส่น้ำแข็งให้ด้วย

เที่ยว New Zealand (เกาะใต้) – ตอนที่ 3 Hooker Valley Track

อย่างที่เคยเขียนไปในบล็อกตอนที่ 1 ว่าผมไม่นิยมเที่ยวเมือง ฉะนั้นเราก็มุ่งหน้าออกนอกเมืองทันที ไฮไลท์อย่างแรกของทริปคือ Mount Cook ซึ่งเป็นที่ที่อยากบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ควรใช้เวลาอย่างต่ำ 2 คืน

วิวของ Lake Pukaki จาก Peters Lookout

เที่ยว New Zealand (เกาะใต้) – ตอนที่ 2 ขอวีซ่าแบบกลุ่ม ง่าย แต่ไม่ชัดเจน

วีซ่าท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ไม่เหมือนยุโรป เรียกว่า eVisa คือเมื่อขอวีซ่าผ่านแล้วจะไม่มีสติกเกอร์วีซ่าสวยๆ มาแปะในพาสปอร์ตเรา (เศร้า เหมือนไม่ได้สะสมแต้ม) เพราะกระบวนการเกือบทั้งหมดอยู่บนระบบออนไลน์

วีซ่าที่จะเขียนถึงในที่นี้คือวีซ่าท่องเที่ยวแบบกลุ่ม เพราะเดินทางตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปสามารถยื่นแบบกลุ่มได้ ค่าวีซ่าจะถูกลง แต่ทั้งกลุ่มต้องเข้าออกประเทศด้วยกันตลอด ห้ามแยกกลุ่ม และต้องตั้ง 1 คนในกลุ่มทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่ม เพื่อทำหน้าที่ submit ข้อมูลทั้งหมดเข้าระบบ

ภูเขาหินสีดำที่มีน้ำฝนไหลลงมา ถ่ายระหว่างทางเข้า Milford Sound

เที่ยว New Zealand (เกาะใต้) – ตอนที่ 1 ทำไมต้องนิวซีแลนด์

เราเชื่อว่าประเทศนิวซีแลนด์ไม่ค่อยอยู่ในจุดหมายปลายทางของใครหลายๆ คนนัก เท่าที่เห็นคือถ้ามีวันว่างไม่มากก็จะไปญี่ปุ่นกัน หรือมากหน่อยก็คิดว่าไปยุโรปหรืออเมริกาเลยดีกว่า ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรนะ เพราะอย่างยุโรปนี่มีที่ให้เที่ยวแบบครบจริงๆ อยากเที่ยวเมืองก็ได้ อยากเที่ยวธรรมชาติก็ได้ เที่ยวทั้งสองอย่างก็ได้แบบไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง มีโบสถ์สวยๆ เพียบ มิวเซียมดีๆ มีเต็ม ยังไม่รวมอาร์ทแกลลอรี่ หรือพวกโรงละครอีกนะ (ใครเบื่อยุโรปกลางแล้ว อยากลองเที่ยวยุโรปตะวันออกแต่ไม่อยากไปโปแลนด์หรือสาธารณรัฐเช็กที่คนไปเพียบ ลองดูฮังการี นี่ไปมาตอนปี 2017 จัดว่าดีเลย)

ส่วนตัวเราชอบเที่ยวธรรมชาติมาก ชอบเดิน hiking ดูต้นไม้ ดูทะเลสาบ เพราะฉะนั้นเวลาไปเที่ยวพอไปถึงเมืองปลายทางแล้วจะรีบออกจากเมืองในวันรุ่งขึ้นทันที ตอนจะกลับก็มีเวลาให้เมืองวันเดียวอย่างมาก เผื่อใครฝากซื้อของ

ละอองน้ำตกที่มีแสงแดดมากระทบเกิดเป็นรุ้งกินน้ำ
ถ่ายตอนล่องเรือที่ Milford Sound อุทยานแห่งชาติ Fiordland

เมื่อไปเจอคนใช้ iPhone X ก่อนวางขายจริง

หายจากการเขียนบล็อกไปปีกว่า มีเรื่องให้ต้องบันทึกตอนไปฮ่องกงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาครับ

เรื่องมีอยู่ว่า Schneider Electric เขามาเชิญ Blognone ไปร่วมงาน Innovation Summit 2017 ที่ฮ่องกง เว็บเลยส่งผมไปร่วมงาน (เป็นการร่วมงานต่างประเทศครั้งแรกของผมด้วย) พอดีไปก่อนงานเริ่ม 2 วันเลยได้เที่ยวฮ่องกงไปในตัว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ร้านห่านย่างชื่อดัง Kam’s Roast Goose พอเขาเรียกคิวก็เข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่น สั่งอาหารเสร็จก็มีชาวต่างชาติคนหนึ่งมานั่งโต๊ะเดียวกัน หันหน้าเข้าหาผมเนี่ยแหละ เขาก็สั่งอาหารทันที ระหว่างนั้นกลายเป็นว่าเราสองคนนั่งรออาหาร ผมก็มองบรรยากาศในร้านไปเรื่อยๆ หันซ้ายหันขวา หันหน้าไปมองชายต่างชาติคนนั้นนั่งเล่นมือถือ ก็เลยเหลือบตามองมือถือเขา…

Europe trip วันที่ 3 [Stuttgart]

 13 May 2016, Day 3― เขียนที่: บ้าน Schaaf

วันนี้ต้องตื่นเช้าเพราะรถไฟไป Stuttgart ออกเวลา 08:10 แต่ไม่ต้องเสียเวลากินข้าวเช้ามากมายเพราะโฮสแม่บอกว่าจะพาไปกินข้าวเช้าตอนมาถึง เลยรองท้องไปแค่ขนมปังใส่ชีส และไข่ต้มหนึ่งใบ ยัดเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็นใส่เป้และออกเดินทางไปสถานีรถไฟ มาถึงเวลาพอดี ถ่ายรูปรถไฟนิดหน่อยก็ขึ้นไปหาที่นั่งเพราะไม่ได้จองไว้ ถ้าจองต้องเสียเพิ่ม €4.5 มั้ง รถไฟเป็น ICE 2 ซึ่งค่อนข้างเก่าแล้ว

วิธีขึ้น ICE ไม่ให้หน้าแตกคืออย่างแรกต้องดูข้างนอกตัวรถก่อน ถ้าตู้ไหนมีเลข 1 ใหญ่ๆ แปลว่าเป็นตู้ first class นั่งไม่ได้ (หรือถ้าจองตั๋ว first class มาก็นั่งตามอัธยาศัย) ต้องหาตู้ที่เป็นเลข 2 หรือ second class ทางที่ดีก็ดูที่คนยังน้อยๆ อยู่ ส่วนตัวชอบเดินไปไกลๆ ขึ้นรถหัวขบวน คนจะน้อย แต่เท่าที่สังเกตมา พบว่าหัวๆ จะเป็นตู้ first class

Stuttgart Hauptbahnhof

Europe trip วันที่ 1-2 [Bangkok – Munich]

ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปปีกว่าๆ กลับมาคราวนี้เป็นบันทึกการเดินทางมายุโรปครับ บล็อกซีรี่ส์นี้จะเป็นการเขียนแบบบันทึกการเดินทางให้ตัวเองอ่าน จึงจะมีการเอ่ยถึงชื่อคนรู้จักอยู่เรื่อยๆ นะครับ และอาจจะมียืดเยื้อบ้าง แต่บางจุดก็จะอธิบายการเดินทางด้วย

สัปดาห์ที่แล้วผมเพิ่งเรียนจบ ส่งโปรเจ็คและเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยวันต่อมาก็ออกบินเลย คราวนี้ได้บินกับ Emirates เป็นครั้งแรก ตั๋วไปกลับกรุงเทพ-มิวนิคราคา 26,000 กว่าๆ ถือว่าไม่แพง (มั้ง) วีซ่าที่ขอเป็นแบบวีซ่าเพื่อการเยี่ยมเยียน โดยใช้คำเชิญจากโฮส ใช้เวลาสามวันก็ได้พาสปอร์ตคืน รายละเอียดจะไม่กล่าวถึงเพราะมีคนเขียนเยอะแล้วนะครับ

ภาพรวมของการมายุโรปคราวนี้คือการฉลอง (?) หลังเรียนจบ และใช้เวลาว่างยาวครั้งสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ชีวิตการทำงาน รวมถึงมาเยี่ยมโฮสแฟมิลี่เป็นครั้งแรกหลังจากจบการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเมื่อห้าปีก่อน

และถึงจะเขียนชื่อบล็อกว่า Europe trip แต่ก็ตั้งใจจะมาแค่ 3 ประเทศเท่านั้น คือเยอรมนี, ออสเตรีย และสโลเวเนียครับ เพราะส่วนตัวไม่นิยมการเที่ยวแบบอัดๆ ไปหลายเมืองหลายประเทศเพื่อให้รู้สึกว่า “คุ้ม”

บล็อกตอนแรกนี้จะเขียนควบวันแรกกับวันที่สองไปเลย เพราะเหตุการณ์ติดต่อกัน เลยจะยาวสักหน่อยครับ